วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558



ducati monster 696


เฉดสีและราคา Ducati Monster 696 เฉดสีภายนอกของ ดูคาติ มอนสเตอร์ 696 มี 2เฉดสีด้วยกันนะครับ คนที่รักความเป็นสปอร์ตต้องชอบกับสีสันของเจ้าเน็คเก็ตขนาดกลางคันนี้แน่นอน สีแรกคือสีแดงครับ สีประจำตัวดูคาติเลยก็ว่าได้ โดยจะมีการใช้ตัวถังสีแดง เฟรมสีแดง บังโคลนสีแดง เฟรมหน้าและหลังสีแดง แถมยังมีการคาดแถบสีดำบริเวณตัวถังด้วยนะครับ เรียกว่าสวยงามมากๆ ส่วนอื่นๆก็เป็นสีดำทั้งหมด ส่วนอีกสีหนึ่งก็คือสีขาวครับ โดดเด่นด้วยสีขาวบริเวณตัวถัง เฟรมหลัง เฟรมหน้า และบังโคลนหน้า พร้อมแถบคาดสีดำบริเวณตัวถัง สร้างความเป็นสปอร์ตหรูให้เน็คเก็ตไบค์รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีเพียงสองสี ก็เป็นสีที่สวยงามมากๆ และที่สำคัญทางดูคาติก็ไม่ได้ทำเฉดสีรถออกมาเยอะ สำหรับราคา Ducati Monster 696 เน็คเก็ตไบค์สุดหรูคันนี้ ก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่า สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 9,295 ดอลล่าห์สหรัฐ ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างกลางๆนะครับ ไม่สูงมากเกินไป อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ของทุกคน หากเทียบกับดีไซน์ที่สวยหรูขนาดนี้ และเครื่องยนต์ที่สร้างกำลังได้อย่างเต็มพาวเวอร์ ใครๆก็มองว่ามันคุ้มทั้งนั้นครับ ที่สำคัญ เป็นแบรนด์ดูคาติ บิ๊กไบค์จากดอิตาลีด้วย คุ้มแน่นอนครับ สาวกบิ๊กไบค์ทั้งหลายก็เตรียมควักกระเป๋าซื้อกันได้เลยนะครับ สำหรับบิ๊กไบค์รุ่นนี้ ในราคาที่เป็นกัน
สมรรถนะ Ducati Monster 696 ด้านเครื่องยนต์ Ducati Monster 696 คันนี้ ได้จัดเต็มความแรงระดับกลางเอาใจคนชอบซิ่งมือใหม่กันอย่างเบาๆ ด้วยเครื่องยนต์ที่ไม่เบา แบบ L-Twin, 2 Desmodromically actuated valves per cylinder, พร้อมระบายความร้อนอย่างเต็มเหนี่ยวด้วย ระบบ air cooled เนรมิตรความเทพด้วยปริมาตรกระบอกสูบมือใหม่ 696cc ทำให้ฟรีสไตล์กันได้อย่างเต็มที่ทุกสนาม อีกทั้งยังตอบโจทย์การชัดของกระบอกสูบอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระยะการชักของกระบอกสูบที่ 88 x 57.2mm ทำให้สองล้อแดนมะกะโรนีคันนี้ มีอัตราการอัดอยู่ที่ 10.7:1 ซึ่งเรียกว่าเร้าใจระดับตัวพ่อ ส่งผลให้มีแรงม้าที่น่าประทับใจที่ 58.8 kW (80 hp) @ 9,000 rpm เลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอ ด้านเทคนิคแรงบิดยังสามารถโชว์ได้ที 69 Nm (50.6 lb-ft) @ 7,750 rpm เป็นเพราะมีระบบเชื้อเพลิงที่ดี ทำให้ส่งเชื้อเพลิงได้อย่างไม่มีกระตุกแม้แต่น้อยด้วยระบบเชื้อเพลิง Electronic fuel injection, 45mm throttle body พร้อม 2 aluminum mufflers เร้าใจด้วยระบบเกียร์แบบ 6 speed ที่ส่งกำลังแรงและนุ่มนวลอย่างต่อเนื่องในอัตราการอัดที่ 1.85:1  โดยมีอัตราการทดเกียร์ที่น่าพึ่งพอใจที่ 1st 32/13, 2nd 30/18, 3rd 28/21, 4th 26/23, 5th 22/22, 6th 24/26 ยิ่งไปกว่านั้นมี Final drive Chain; Front sprocket 15; Rear sprocket 45 พร้อมดูโอ้คู่ซี้อย่างระบบคลัทช์แบบ APTC wet multiplate with hydraulic control มาเติมเต็มความสนุกอีกด้วย - See more at: http://th-bigbike.com/ducati-monster-696/#sthash.g8PMz7SY.dpuf

ducati monster 795 ABS













DUCATI  MONSTER 795 ช่วงล่างนุ่มมากๆ อยากให้ลอง

               แหม !!!  จั่วหัวเป็นการชวนชิมเค้กนิ่มๆ เลย แต่เปล่า นะครับ  เราไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่มันเป็นความรู้สึกจริง ๆ ที่รู้สึกได้ตั้งแต่แรกขับขี่ ระบบช่วงล่างของ Monster 795 คันนี้แม้จะเป็นแบบเดิมชนิดออกจากโรงงาน แต่ด้วยความเป็นรถสัญชาติอิตาเลียนจึงทำให้มันมีความพิเศษ อย่างแรกคือนุ่มนวล อย่างที่สองคือเกาะถนนทุกย่านความเร็วช็อคอับหน้าเป็นเทเลสโคปิคแบบหัวกลับ ขนาด 43 มม. ผิดเกนเคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม  มีโหมดการปรับตั้งที่ละเอียดมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นความกระด้างเข็ง หรือ สปีด  ช้า/เร็ว ของจังหวะการคืนตัว SHOWA ให้ระยะการทำงานที่ 120 มม. ด้านหลังเป็นงานของช็อคอับเดี่ยว ขดสปริงสีเหลืองสดเห็นเด่นเป็นสง่าปรับตั้งได้ครบทั้งกระด้างแข็งของขดสปริงและสปีด  เร็ว/ช้า ของการคืนตัว มันมีระยะในการทำงาน 148 มม. สาเหตุระยะการทำงานของช็อคอับหลังมีมากว่าด้านหน้าก็เหราะ Monster เป็นรถที่มีอัตราเร่งโหดชนิดด่วนจี๋  หากเป็นรถที่มีระยะการทำงานของช็อคอับหลังน้อย ๆโอกาสที่จะยกล้อโดยไม่ได้ตั้งใจและหงายหลัง… ความเป็นไปได้จะสูงถึงสูงที่สุด ด้วยเหตุนี้เองทางต้นสังกัดจึงเพิ่มระยะการทำงานและทำให้รถมีนิสัยที่นุ่มนวลเพื่อจะได้ไม่ต้องห่วงมากเวลากระแทกเร่งแรง ๆ

BREMBO เท่านั้น คือคำตอบ!


               มาถึงระบบห้ามล้อ หรือระบบเบรก  รถคันนี้ใช้แบบจานเบรคทั้งด้านหน้าและหลัง โดยด้านหน้านั้นเป็นจานเบรคแบบคู่ ชนิดกึ่งให้ตัวได้ ขนาด 320 มม. ชุดคาลิเปอร์เป็นแบบ 4 ลูกสูบ เรเดียบเมาท์สั่งงานดัวยแรงดันนี้มันเบรก ปั๊มเบรคด้านบนเป็นของแต่งจาก BREMBO รุ่น RCS 19 กระปุกน้ำมันเบรคของรถสปอร์ ส่วนด้านหลังเป็นจานเบรคตายตัวขนาด 245 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิค  และใช้ปั๊มแบบกระทุ้งทำหน้าที่รับคำสั่งจากพักเท้าด้านขวา  สมรรถนะของชุดห้าม   ล้อทั้งหน้าและหลังของรุ่นนี้ บอกได้เลยว่านิ่มนวลและไว้ใจได้ ไม่ว่าจะความเร็วขนาดไหน ? มันสามารถจะหยุดได้ตามสั่งแค่ปลายนิ้วเท่านั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของถนนว่าเป็นแบบเปียก  หรือแห้งและที่สำคัญคนขี่ควรมีทักษะมากพอในการขับขี่ แม้ว่ารุ่นนี้จะไม่ได้เป็นรุ่นที่เสริมระบบ ABS แต่มันก็ไว้ใจได้ค่อนข้างมากสำหรับประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าเป็นMonster 795 ABS ก็จะมีการติดตั้งชุดจานสร้างจังหวะ โดยเจ้าจานนี้จะมีลักษณะเป็นร่อง ๆ ถี่ ๆ เป็นวงเล็กๆ อยู่ใกล้ ๆ กับดุมล้อ  และจะมีชุดยิงเซ็นเซอร์ทำหน้าที่ร่วมกับกล่อง ABS เพื่อทำให้เวลาที่มีการกดเบรก เจ้าร่องนี้จะเป็นตัวสั่งให้คาลิเปอร์จับหรือปล่อยโดยอัตโนมัติเพื่อลดอาการล้อล็อคเมื่อใช้เบรคอย่างกะทันหัน

ฟรีไซส์สำหรับทุกสัญชาติ

               สุดท้ายที่เกือบลืมก็คือสัดส่วนของรถคันนี้แม้ว่าจะเปลี่ยนวงล้อและเพิ่มขนาดของยาง แต่มิติของสรีระก็ยังคงเท่าเดิม DUCATI  MONSTER 795 คันนี้มีขนาด ยาว/สูง เท่ากับ 2ฐ100/1,060 มม.  ระยะห่างฐานล้อ 1,450 มม. ความสูงของเบาะนั้น (คนขี่) 770 มม. มีขนาดความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 15 ลิตร ขนาดยางหน้า 120/70 ZR 17 นิ้ว และขนาดของยางหลัง 180/55 ZR 17 นิ้ว สปีด ความเร็งสูงสุด (เท่าที่ทำได้) 204 กม./ชม. จุดที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือแผงหน้าปัด  เพรามันรายงานทุกอย่างด้วยระบบดิจิตอล  นอกจากนั้นยังมีโหมดต่าง ๆให้ปรับตั้งรวมถึงไฟหน้าได้อีกด้วย

ducati monster 795




เฉดสีและราคา Ducati Monster 795 สำหรับเฉดสีภายนอก Ducati Monster 795 ก็มีให้เลือกหลายเฉดสี ไม่ว่าจะเป็นสีดำ สีแดง ซึ่งในแต่ละสีต้องขอบก่อนว่ามีเสน่ห์สะกดได้ทุกสายตาจริง ๆ เพราะช้โทนสีที่มีความเข้มแข็ง ดุดัน เมื่อมารวมกันกับโครงสร้างอื่น ๆ ของตัวรถที่เน้นใช้สีดำ ยิ่งทำให้ Ducati Monster 795 กลายเป็น Naked bike ที่ดุดันที่สุด คมเข้มที่สุดและทรงพลังเหนือใครสมฉายาปีศาจแห่งท้องถนนอย่างแท้จริง ส่วนในเรื่องของราคา Ducati Monster 795 สนนราคาอยู่ที่ 399,990 – 449,500 บาท เป็นราคาในตลาดรถ โดยราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับดีไซน์ สมรรถนะและความพิเศษที่แตกต่างกัน หากให้พูดกันตามความเป็นจริงถือว่าราคาเหมาะสมกับสมรรถนะของรถ แต่ผู้ที่จะขับขี่คงต้องกระเป๋าหนักสักหน่อย เพราะถึงแม้ว่าจะมีราคาเหมาะสมกับสมรรถนะและการดีไซน์ขนาดไหน แต่ราคาขนาดน้อง ๆ รถยนต์หรือเทียบเท่ากับรถยนต์แบบนี้ ถ้าไม่รักจริงและกระเป๋าไม่หนักจริง เห็นคงคงยากสักนิดที่จะได้เป็นจ้าของ 

ราคา Ducati Monster 795


  • Monster 795 Y14 ราคา 399,990 บาท
  • Monster 795 ABS ราคา 439,500 บาท
  • Monster 795 ABS Corse Stripe ราคา 449,500 บาท
ดีไซน์ภายนอกของ ดูคาติ มอนสเตอร์ 795 เมื่อมาดูกันที่ดีไซนต์ภายนอกของ ดูคาติ มอนสเตอร์ 795 แล้วต้องบอกว่าสวยเข้ม ดุดัน และมีเสน่ห์มากจริง ๆ ทั้งโครงเฟรมที่เล่นสีสันสวยงาม ถึงแม้ว่าจะเล่นสีเพียงแค่สีเดียว แต่ก็เด่นแบบสุด ๆ เพราะตัดกันกับส่วนต่าง ๆ ของตัวรถที่มีสีดำสนิท ในส่วนของท่อไอเสียและวงล้อก็สามารถเทียบระดับได้กับของแต่งที่มีสไตล์และโดดเด่น ช่วยเพิ่มเสน่ห์ที่มีมากมายอยู่แล้วให้มีมากขึ้นไปอีกไม่เพียงแต่ความโดดเด่นในดีไซน์ที่กล่าวมาเท่านั้น Ducati Monster 795 ยังมีไฟหน้าดวงใหญ่ 1 ดวงที่ให้แสงสว่างคมชัดและแจ่มที่สุด ให้คุณสามารถมองเห็นรายละเอียดอย่างชัดเจนแม้เป็นช่วงเวลากลางคืนที่มืดมิด แผงหน้าปัดแบบดิจิตอลที่สามารถปรับหมวดต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ แต่มิติของตัวรถยังคงมีขนาดเท่าเดิมคือ มีความยาวและสูงเท่ากับ 2,100/1,060 มม.  ระยะห่างฐานล้อ 1,450 มม. ความสูงของเบาะนั่งคนขี่  770 มม. ซึ่งมีความลงตัวและเป็นขนาดรถที่เหมาะสมกับสรีระทั้งของผู้ชายและผู้หญิง ไม่ว่าใครขับขี่ก็ง่ายและสามารถพุ่งทะยานได้สุดกำลังเช่นเดียวกัน
สมรรถนะและความปลอดภัย ด้านขุมกำลังมา Ducati Monster 795 พร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีขุมพลังแบบ L-Twin 803 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้กำลังแรงม้าถึง 87 แรงม้า ที่ 8,250 รอบต่อนาที ให้แรงบิด 8.0 กิโลกรัม-เมตร ที่ 6,250 รอบ/นาที โดยใช้ะบบควบคุมวาล์วไอดี-ไอเสียแบบไร้สปริงกดวาล์ว เพื่อลดปัญหาวาล์วลอยตัว เครื่องยนต์ให้กำลังรอบเครื่องและอัตราการเร่งสม่ำเสมอ ซึ่งต้องถือว่ามีทั้งความเร็วและแรงที่สุดเมื่อเทียบกับ Ducati รุ่นอื่น ๆ นอกจากสมรรถนะพื้นฐานที่กล่าวมาแล้ว ยังใช้ระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ใช้ระบบคลัทช์แบบเปียก APTC ที่มีการควบคุมด้วยไฮโดรลิค 

ด้านความปลอดภัย Ducati Monster 795 มีระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Marzocchi เทเลสโกปิคหัวกลับ ทำงานร่วมกับชุดแผงคอแบบทริปเปิ้ลแคลมป ที่ช่วยให้ทุกการขับขี่ที่มีความเร็วสูงมีความมั่นคงและแม่นยำ ส่วนด้านหลังมีระบบกันสะเทือนแบบบโมโนช็อกของ Sachs ที่ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มแบบอะลูมิเนียมทรงปีกนก สามารถปรับค่าสวิงได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ในด้านความปลอดภัยอื่นมาพร้อมกับระบบเบรกที่ยอดเยี่ยมและทรงประสิทธิภาพจาก Brembo ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีเบรกหน้าเป็นแบบทวินดิสก์ขนาด 320 มม.และเบรกหลังเป็นแบบซิงเกิ้ลดิสก์ขนาด 245 มม. ทำให้การหยุดหรือชะลอรถสามารถทำได้อย่างมั่นใจ 
ducati monster 796


Ducati Monster 796 Corse Stripe ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร การออกแบบที่มีสไตล์เฉพาะและมาพร้อมกับขุมกำลังที่จะทำให้การขับขี่ของคุณเร้าใจยิ่งขึ้น นี่คือบิ๊กไบค์ที่หลายๆคนชื่นชอบจากการออกแบบที่แสดงถึงความเป็น Monster โดยแท้จริง Ducati Monster 796 มาพร้อมเครื่องยนต์ 803 cc. 2 สูบ 4 จังหวะ 87 แรงม้า และระบบเบรค ABS


Ducati Monster 796 บิ๊กไบค์สไตล์ Naked ออกแบบด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของ Ducati คงความเป็น Monster ไว้อย่างครบถ้วนจนครองใจสาวกได้อย่างเหนียวแน่น ไม่ใช่แค่เพียงรูปลักษณ์แต่ยังรวมไปถึงงานประกอบ อุปกรณ์ตกแต่งที่รวมเอาความเป็น Monster ไว้จนไม่ว่าใครที่ได้เห็นต่างก็ต้องเหลียวมองในความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ลงตัว

 Ducati Monster 796 ข้อมูลทางเทคนิค

เครื่องยนต์L-Twin 2 สูบ 4 จังหวะ
ขนาด cc803 cc.
เกียร์6 สปีด
ระบบระบายความร้อนระบายความร้อนด้วยอากาศ
ระบบจ่ายเชื้อเพลิงระบบหัวฉีด
ความจุเชื้อเพลิง13.5 ลิตร
ประเภทเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล 95
ระบบกันสะเทือน-หน้าMarzocchi 43 มม.
ระบบกันสะเทือน-หลังMonoShock สวิงอาร์มเดี่ยว
ระบบเบรค หน้าดิสก์เบรคคู่ 320 มม. ABS
ระบบเบรค หลังดิสก์เบรค 245 มม.
ขนาดยาง หน้า120/70 ZR17 Pirelli Diablo Rosso
ขนาดยาง หลัง180/55 ZR17 Pirelli Diablo Rosso
น้ำหนัก169 กิโลกรัม
ราคา 485000

ducati monster 1100 EVO

สำหรับ Ducati Monster 1100 EVO นั้นได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่และมาพร้อมกับขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 1,078 ซีซี ด้วยเครื่องยนต์แบบ 2 สูบ โดยมีการออกแบบเครื่องยนต์เป็นแบบ L-Twin โดยมีจำนวนวาล์ว 2 วาล์วต่อสูบแบบ Desmodromic ระบายความร้อนด้วยอากาศ มีอัตราการอัดอยู่ที่ 11.3 : 1 ให้กำลังถึง 100 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดนั้นก็แรงใช่เล่นโดยมีอัตรา 103 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงเป็นแบบ Siemens electronic fuel injection และระบบไอเสียเป็นแบบ Lightweight 2-1-2 system ด้วย catalytic converter and two lambda probes พร้อมท่อแบบคู่ที่ทำจากอลูมิเนียม AutoYim เห็นสเปกแค่นี้ก็ถือว่าสุดยอดมาเลยครับ
มาดูในส่วนเฟรมของ Ducati Monster 1100 EVO นั้น เป็นแบบ Tubular steel โดยมี อลูมิเนียมผสมด้วย ทำให้มีนำหนักเบาทำให้ได้ความเร็วสูงสุดเวลาเคลื่อนตัว พร้อมกับดีไซน์โครงเป็นลักษณะตาข่ายสีแดงแรงฤทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถตระกูล มอนสเตอร์ ที่จะมีเฟรมเป็นลักษณะแบบนี้ ส่วนระบบเบรกนั้นเป็นแบบ Brembo ชนิดเอบีเอสทั้งล้อหน้าและล้อหลัง พร้อมด้วยระบบ DTC และ DDA ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้โคมไฟหน้าและท้ายเป็นแบบ LED ให้ความสว่างชัดเจนยามค่ำคืน หน้าปัดแสดงมาตรวัดค่าต่างๆ เป็นแบบดิจิตอล ส่วนเบาะนั่งเป็นหนังแท้ ชิ้นเดียว จำนวน 1 ที่นั่ง AutoYim คาดว่ารุ่นนี้น่าจะเข้าตาเพื่อนๆ อย่างแน่นอนสำหรับ ราคา Ducati Monster 1100 EVO นั้นอยู่ที่ 11,995 ดอลล่าห์สหรัฐ ถือว่าเป็นสนราคามาตรฐานของดูคาติ และไม่เกินกำลังของเหล่าสาวกดูคาติ ที่ต้องไปสอยมาครอบครองกันคนละคันสองคันอย่างแน่นอนครับ แม้แต่ AutoYim ยังอยากจะได้มาไว้ซักคันเลยครับ



Kawasaki Ninja 250 sl



จักรยานยนต์ดีไซน์สปอร์ต ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่จะพาคุณขับขี่ไปในเมืองได้อย่างสนุกสนานด้วยทรวดทรงของจักรยานยนต์ในตระกูล Ninja (นินจา) ที่ออกแบบมาให้มีทรงเพรียวลู่ลมได้ดี ทำให้รถในตระกูลนี้ดูมีเสน่ห์ในแบบสปอร์ตไบค์เต็มตัว จึงทำให้ผู้ขับขี่ชื่นชอบในทรวดทรงของเจ้า Kawasaki Ninja 250 SL  ไฟหน้าถูกออกแบบมาให้เป็นโคมไฟหน้าเดี่ยว ที่โฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ตซึ่งให้ความสว่าง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้ขณะขับขี่ในยามค่ำคืน โดยโคมไฟหน้าเป็นแบบมัลติรีแฟล็กเตอร์ ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางได้อย่างสบาย มาตรวัดแบบสปอร์ตดิจิตอล ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยสามารถบอก วัดรอบเครื่องยนต์, ความเร็ว, นาฬิกา, วัดระดับน้ำมัน และวัดระยะทาง ซึ่งทั้งหมดนี้อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่สังเกตุได้อย่างง่ายดาย  ถังน้ำมันออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ สามารถจุน้ำมันได้ถึง 11 ลิตร แม้จะมึขนาดที่ใหญ่แต่ยังคงรูปลักษณ์ความสปอร์ตเอาไว้เหมือนเดิม โดยด้านท้ายออกแบบมาให้มีความเรียว เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถวางขาได้อย่างกระชับกับถังน้ำมัน และส่วนด้านบนที่มีความกว้างนั้นก็มีประโยชน์อีกเหมือนกัน ซึ่งผู้ขับขี่สามารถวางแขนให้แนบชิดกับถึงน้ำมันเวลาเอียงเข้าโค้งได้อย่างสบาย  มาถึงพละกำลังของ Kawasaki Ninja 250 SL กันบ้าง โดยมีความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 249 ซีซี  4 จังหวะ 1 ลูกสูบ 4 วาล์ว DOHC จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด และระบบส่งกำลังเกียร์ 6 สปีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยแม้หม้อน้ำจะมีขนาดเล็ก แต่ประสิทธิภาพไม่ธรรมดา ซึ่งจะมีฝาครอบพัดลมหม้อน้ำเพื่อระบายความร้อนลงด้านล่าง จึงทำให้ผู้ขับขี่หมดความกังวลได้เลยว่าจะมีความร้อนส่งไปถึงผู้ขับขี่ แม้จะจอดติดอยู่บนถนน


เครื่องยนต์1 สูบ 4 จังหวะ , ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ249 ซีซี
ระบบวาล์วDOHC 4 วาล์ว
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก72.0 x 61.2 มม.
อัตราส่วนการอัด11.3 :1
ระบบเกียร์6 เกียร์ เปลี่ยนเกียร์แบบย้อนกลับ
ระบบจุดระเบิดแบตเตอรี่และคอล์ยจุดระเบิด (แบบอิเล็กทรอนิกส์)
ระบบจ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ : Ø38 มม. x 1
ระบบสตาร์ทสตาร์ทไฟฟ้า
ระบบคลัชคลัชมือแบบเปียกหลายชั้น
ขนาดยางหน้า100/80-17M/C 52S
ขนาดยางหลัง130/70-17M/C 62S
โช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิค ขนาด 37 มม.
โช๊คอัพหลังโช๊คแก๊สเดี่ยว พร้อมแขนยึดยูนิแทรค ปรับได้ 5 ระดับ
เบรคหน้าจานดิสก์เบรกแบบเดี่ยวขนาด 290 มม. คาลิปเปอร์ ลูกสูบคู่
เบรคหลังดิสก์เบรค ขนาด 220 มม
ยาว x กว้าง x สูง1,935 มม. x 685 มม. x 1,075 มม.
ระยะฐานล้อ1,330 มม.
ความสูงใต้ท้องรถ165 มม.
ความสูงเบาะ780 มม.
น้ำหนักรถ152 กก.
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง11 ลิตร






Kawasaki Ninja 650




Kawasaki Ninja 650 (ABS) : บิ๊กไบค์ รุ่นใหญ่ แรงมากด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 649 ซีซี. 4 จังหวะ 8 วาล์ว DOHC หัวฉีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้แรงบิดที่สูงขึ้น เร่งได้รวดเร็ว มาพร้อมกับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต ดุดัน ไฟหน้าคู่แบบมัลติรีเฟลกเตอร์ ดีไซน์ใหม่ เบาะนั่งนุ่ม และสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยการเพิ่มคุณภาพฟองน้ำ ที่หนากว่าเดิม ป้องกันแรงลมปะทะศรีษะได้ดี ด้วยกระบังลมใหม่ปรับได้ 3 ระดับ( 60 มม.) ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งและองศาที่เหมาะสม
คาวาซากิ นินจา 650 ดูสปอร์ตมากขึ้น กับฝาครอบท้ายเบาะสั้นลงอีก 10 มม. กะทัดรัด พ่วงมาด้วยไฟท้ายแบบ LED ที่เพรียวและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ชลอ หรือหยุดรถได้ดั่งใจ และนิ่มนวลด้วยระบบเบรก ABS หน้าหลัง ท่อไอเสียออกแบบและติดตั้งใต้เครื่องยนต์ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้การควบคุมและขับขี่ที่ง่ายขึ้น ระบบไอเสียผ่านค่ามาตรฐานระดับ 6 หนักแน่นและมั่นคงกับโครงสร้างตัวถังแบบท่อคู่ แบบใหม่ในสไตล์แบคโบน น้ำหนักเบา พร้อมสวิงอาร์มใหม่แบบท่อคู่ ที่ปรับตั้งระบบกันสะเทือนเข้ากับเฟรมได้อย่างสมบูรณ์ ชัดเจน แม่นยำ อ่านง่าย กับมาตรวัดดีไซน์ใหม่ที่แสดงผลทั้งแบบอะนาล็อค+ดิจิตอล มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานครบ แผงเรือนไมล์พิเศษบอกค่าระยะทางที่ขับขี่ได้จากปริมาณเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ และอัตราสิ้นเปลือง ให้แฟนๆขับทางใกล้ หรือไกลได้อย่างสบายใจสเปคของ Kawasaki Ninja 650 (ABS)
+เครื่องยนต์ : ระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด(Keihin), 2 สูบ 4 จังหวะ DOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
+น้ำมันเชื้อเพลิง : เบนซิน 91, 95 แก๊สโซฮอลล์ 91, 95 หรือ E20 ก็ได้ แต่อย่าผสมกันหละ
+ความจุถังน้ำมัน : 16 ลิตร
+กระบอกสูบ : 649 ซีซี
+ระบบสตาร์ท : สตาร์ทไฟฟ้า
+คลัทช์ : คลัทช์มือ
+จุดระเบิด : Digital CDI
+ระบบเกียร์ : 6 เกียร์
+ระบบห้ามล้อหน้า : ดิสก์เบรคคู่ ขนาด 300 มม. พร้อมระบบ ABS
+ระบบห้ามล้อหลัง : ดิสก์เบรค ขนาด 220 มม.พร้อมระบบ ABS
+โช้คอัพหน้า : โช๊คแบบเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม.
+โช้คอัพหลัง : โช้คอัพหลังเดี่ยวแนวนอน
+ล้อ : ล้อแม็กซ์
+ยางล้อหน้า : 120/70ZR17M/C (58W)
+ยางล้อหลัง : 160/60ZR17M/C (69W)
+ขนาดรถยาว : ยาว 2.1 ม., กว้าง 77 ซม. สูง 1.18 ม.
+ระยะฐานล้อ 1.41 ม.
+ความสูงใต้ท้องรถ 13 ซม.
+ความสูงเบาะ 80.50 ซม.
+น้ำหนักรถ 211 กก.



Kawasaki Ninja 1000 




เฉดสีและราคา Ninja 1000 ABS

เรียกว่าเป็นจุดด้อยไปเลยทีเดียวสำหรับเฉดสีของ Kawasaki Ninja 1000ABS เพราะว่า ทาง Kawasakiได้ออกเฉดสีของเจ้าสปอร์ตไบค์ทัวร์ริ่ง ออกมาเพียงสีเดียวเท่านั้น และมันจะเป็นสีใดไปไม่ได้นอกจากสีเขียวสไตล์คาวาซากิ โดยจะผสมผสาานสีดำจากบางส่วนของด้านข้างและเบาะนั่ง อีกทั้งวงล้อเพิ่มความเข้มในสไตล์นินจา ด้านราคาก็ไม่ได้สูงมาก หลายๆคนยังสามารถเป็นเจ้าของมันได้ ทางคาวาซากิได้ตั้งราคา Kawasaki Ninja 1000 ABS ไว้ที่ 629,000 บาท อาจจะดูสูงไปนิด แต่ถ้าหากเทียบกับประสิทธิภาพ ต้องบอกว่าคุ้มค่ามากๆเลยทีเดียวนะครับกับเงินที่เราจะไปแลกบิ๊กไบค์รุ่นนี้มา
ด้านการออกแบบภายนอก นินจา 1000 เอบีเอส ต้องบอกก่อนเลยว่ามันโดดเด่นและสะดุดตามากๆ หากพูดถึงดีไซน์ ด้านหน้าเราจะพบกับความทันสมัยของกระจกบังลม ที่ออกแบบมาให้มีความสูงเพื่อการเดินทางที่ยาวนาน และการทัวร์ริ่งที่มันส์ กระจกมองข้างติดตั้งมาเพื่อการเสริมสร้างวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดี และด้านหน้าออกแบบมาให้มีความโฉบเฉี่ยวและปราดเรียวมากขึ้นท้าทายทุกสายตาด้วยไฟหน้าแบบดูออล ส่องแสงเต็มความปลอดภัยกับไฟเลี้ยวที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ตัวถังโค้งมนได้รูปสวยงาม ดูมีสรีระทรวดทรงอย่างเร้าใจ มาตราวัดความเร็วดีไซน์ทันสมัย ทั้งแบบอนาล็อกและดิจิตอล ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ส่วนเบาะนั่งก็ออกแบบมาให้มีทั้งที่นั่งของผู้ขับขี่และผู้ซ้อน มีที่จับสำหรับผู้นั่งด้านท้าย และนั่งสบายมากๆ หากเทียบกับการออกแบบและตำแหน่งที่พร้อมรองรับทุกสรีระการขับขี่จริงๆเรียกได้ว่าเป็นบิ๊กไบค์ที่มีความสะดวกสบายทุกองศา เพราะว่า Ninja 1000ABS ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ด้านการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ นอกจากนี้คุณจะได้รับความสะดวกสบายในสไตล์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมสไตล์สปอร์ต สามารถเพลิดเพลินไปกับความสวยงามและความโดดเด่นอย่างไม่อยากกระพริบตา สัดส่วนก็น่าค้นหาเป็นอย่างมาก โดยมีความยาว 2,105 มม. กว้าง 790 มม. สูง 1,170 มม. และระยะฐานล้อ 1,445 มม. ทำให้รองรับน้ำหนักได้อย่างสมดุล ลุยได้เต็มที่เพราะมีความสูงใต้ท้องรถ 135 มม. แต่ก็คอนโทรลในการนั่งอย่างสบายเนื่องจากมีความสูงเบาะ 820 มม. อีกทั้งยังรับน้ำหนักในการควบคุมได้ง่ายๆ เพราะว่าเจ้านินจา1000รุ่นนี้มีน้ำหนักรถ 230 กก. เท่านั้นครับ

ขุมกำลังและความปลอดภัย

หากพูดถึงความแรง Kawasaki Ninja 1000 ABS รุ่นนี้กินขาดครับ เพราะว่าใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 4 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ เท่านั้นยังไม่พอครับ ยังมีปริมาตรกระบอกสูบ 1,043 ซีซี โดยใช้ระบบวาล์ว DOHC 16 วาล์ว เป็นขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 77 x 56 มม. ทำให้สร้างอัตราส่วนการอัด 11.8 :1 ความมันส์ของเจ้าสปอร์ตไบค์สายพันธุ์ทัวร์ริ่งคันนี้ ระบบเกียร์ 6 เกียร์ ที่มาพร้อมระบบจุดระเบิด Digital CDI มันส์กว่าเร้าใจทุกแรงบิดด้วย ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีด 38 มม. x 4 (Keihin)ฟินได้ทุกวันด้วยระบบสตาร์ทไฟฟ้า ท้าทายทุกจังกวะไปกับระบบคลัชมือแบบเปียกหลายชั้น ปลอดภัยทุกท้องถนนยึดเกาะทุกสภาพถนนได้ยิ่งกว่าด้วยขนาดยางหน้า 120/70ZR17M/C (58W) ขนาดยางหลัง 190/50ZR17M/C (73W) พร้อมเซฟตี้ช่วงล่างด้วยโช้คอัพหน้า แบบเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม. โช๊คอัพหลัง โช้คอัพหลังเดี่ยวแนวนอน ปลอดภัยทุกการเบรคด้วยเบรคหน้า ดิสก์เบรคคู่ ขนาด 300 มม. พร้อมระบบ ABS เบรคหลัง ดิสก์เบรค ขนาด 250 มม.พร้อมระบบ ABS ทำให้คุณนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย พร้อมทั้งหายห่วงได้ทันที หากขับขี่เจ้า Kawasaki Ninja 1000ABS คันนี้


Kawasaki Ninja H2 






  Kawasaki Ninja H2 สปอร์ตไบค์ซูเปอร์ชาร์จรุ่นใหม่ มาถึงเมืองไทยแล้ว Kawasaki Ninja H2 เปิดราคา 1,498,000 บาท จำกัดเพียง 10 คัน เท่านั้น

          คาวาซากิ (Kawasaki) ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ชั้นนำจากญี่ปุ่น เปิดตัวมอเตอร์ไซค์สปอร์ตระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทยกับ คาวาซากิ นินจา เอช2 (Kawasaki Ninja H2) จัดเต็มเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้า ทั้งงานออกแบบใหม่ วัสดุการประกอบ และเครื่องยนต์แบบใหม่ เปิดราคาอลังการสมสมรรถนะ พร้อมกับนำเข้ามาเพียง 10 คัน ในประเทศเท่านั้น
          Kawasaki Ninja H2 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สปอร์ตกว่าเคย ด้วยการออกแบบจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศพลศาสตร์ ด้านหน้าเน้นเส้นสายปราดเปรียวดุดัน โดดเด่นด้วยไฟหน้าดวงกลมขนาดพอเหมาะขนาบข้างด้วยไฟ LED ขนาดพอเหมาะสวยงามและช่องรับลมสำหรับใช้ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ด้านข้างออกแบบแฟริ่งคลุมโช้คอัพและเครื่องยนต์อย่างสวยงาม พร้อมเจาะช่องแหวกอากาศอย่างเหมาะสม และยังโชว์เหล็กเฟรมสีเขียวตัดกับแฟริ่งและตัวถังสีเงินเงางาม ส่วนด้านหลังสะดุดตาด้วยไฟท้าย LED ขนาดใหญ่ มาตรวัดของรถออกแบบให้มีทั้งเข็มวัดรอบเครื่องและจอ LCD แสดงการทำงานอื่น ๆ มิติรถยาว 2,085 มิลลิเมตร กว้าง 770 มิลลิเมตร สูง 1,125 มิลลิเมตร ความสูงเบาะ 825 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 238 กิโลกรัม  ทีเด็ดของ Kawasaki Ninja H2 อยู่ที่เครื่องยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งหันมาใช้ระบบซูเปอร์ชาร์จเพิ่มกำลังให้เครื่องยนต์ขนาด 998 ซีซี จนมีกำลังรวมมากถึง 300 แรงม้า นับว่าแรงที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์พิกัดเดียวกันในขณะนี้ ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมเกียร์ถอยหลัง เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ด้านระบบกันสะเทือนจัดโช้คอัพกลับหัวขนาด 43 มิลลิเมตร ด้านหลังเป็นโมโนโช้คพร้อมสวิงอาร์มเดี่ยว ส่วนระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกคู่ขนาด 330 มิลลิเมตร ด้านหลังเป็นแบบเดี่ยวขนาด 250 มิลลิเมตร

          Kawasaki Ninja H2 มาพร้อมระบบการทรงตัว KTRC ซึ่งสามารถปรับระดับการทำงานได้ถึง 9 ระดับ ทั้งสำหรับรีดพลังแบบเต็มที่บนทางเรียบ และเพิ่มความสมดุลบนท้องถนนที่เปียกลื่น ระบบช่วยจัดการออกตัว KLCM เพิ่มประสิทธิภาพในการออกตัวให้รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น และระบบเบรก KIBS ซึ่งเป็นระบบเบรกที่คาวาซากิพัฒนาต่อยอดจาก ABS ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

          สำหรับชื่อของ
 Kawasaki Ninja H2 เป็นการนำชื่อของมอเตอร์ไซค์สปอร์ต คาวาซากิ นินจา (Kawasaki Ninja) และมอเตอร์ไซค์เจ้าของความเร็วสูงสุดของโลกในปี 1971 อย่างคาวาซากิ เอช2 (Kawasaki H2) มารวมกัน ซึ่งสื่อถึงการผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ากับจิตวิญญาณดั้งเดิมของคาวาซากิ สังเกตได้จากการนำตราสัญลักษณ์ดั้งเดิมของคาวาซากิ เฮฟวี่ อินดัสทรี (Kawasaki Heavy Industry) มาติดลงบนตัวรถด้วย

          Kawasaki Ninja H2 มาถึงประเทศไทยแล้ว โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,498,000 บาท ซึ่งใครที่อยากเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์สปอร์ตระดับเรือธงแห่งปี 2014 ก็ต้องรีบหน่อย เพราะคาวาซากิจัดมาให้ชาวไทยได้ครอบครองเพียง 10 คันเท่านั้น






Kawasaki Ninja 300 




Kawasaki Ninja 300 มาเพื่อทดแทน Ninja 250 ด้วยเทคโนโลยี และความโดดเด่น ด้านดีไซน์ซึ่งหลอมรวมมาจาก Ninja ZX-6R, ZX-10R และ ZX-14R ได้อย่างลงตัว กระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสไตล์นินจา และไฟหน้าคู่ Multi-Reflector เสริมความเฉียบคมมาตรวัดดิจิตอล คมชัดทุกสภาพการขับขี่ ด้วยแผงมาตรวัดขนาดใหญ่ เรือนวัดรอบไมล์แบบอนาล็อค แผงควบคุมใหม่บนจอ LCD แบบมัลติฟังก์ชั่น ให้ความครบถ้วนของข้อมูลการขับขี่ต่างๆ อาทิเช่น เกจ์วัดน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรวัดระยะทางคู่นาฬิกา สัญญาณแจ้งการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ชัดเจนแม้ในยามค่ำคืนด้วยพื้นจอสีขาวจากหลอด LED ขับขี่ได้ปลอดภัยขึ้นทั้งต่อผู้ขับขี่ และผู้ร่วมใช้ถนน ด้วย Passing Switch ปุ่มไฟขอทางที่ออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งานในทุกๆสภาพการขับขี่ พร้อมชุดกระจกมองหลังที่เห็นได้ชัดเจน
Ninja 300 ใช้ท่อไอเสียทรงสั้นเช่นเดียวกับ Ninja ZX-6R และ Ninja ZX-10R เก็บเสียงได้ดี ลดการก่อมลภาวะทางเสียง ด้วยขนาดพื้นที่หน้าตัดอย่างเพียงพอ และเหมาะสม จึงไม่เป็นอุปสรรคในการเข้าโค้ง ดูมีคลาสด้วยการ์ดขอท่อไอเสียผลิตจากสแตนเลสสตีล ที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว และยังช่วยป้องกันความร้อนจากท่อไอเสีย สปอร์ตและลงตัว ดูหนักแน่นขึ้นไปอีกขั้นกด้วย ล้อแม็กซ์ 10 ก้าน ตามแบบ Ninja ZX-14R ชลอหรือเบรครถได้ง่าย และมั่นคงขึ้นด้วยระบบเบรค ABS ทั้งล้อหน้าและหลัง ดูดีมีไสตล์ไปทุกส่วนไม่เว้นแม้กระทั่งที่พักเท้า สไตล์สปอร์ต ผลิตจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา
Kawasaki Ninja 300 มีขนาดถังน้ำมัน 17 ลิตร ทรงสูงแต่ไม่เป็นอุปสรรคในการขับขี่แต่อย่างใด นั่งขับขี่ได้สบายๆ ด้วยเบาะหนานุ่มพิเศษ ทั้งคนขับและผู้ซ้อนท้ายออกแบบมาเพื่อรองรับทุกสภาพการเดินทาง เอนกประสงค์กับพื้นที่ว่างใต้เบาะ และดูโฉบเฉี่ยวกับโคมไฟท้ายที่เรียวเล็กได้รูป แต่ให้แสงสว่างได้ชัดเจนปลอดภัยแม้ยามค่ำคืน
คาวาซากิ นินจา 300 แรงด้วยเครื่องยนต์ขนาด 296 ซีซี 2 สูบเรียง 4 จังหวะ DOHC 8 วาล์ว จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด Digital Fuel Injection (DFI)ให้กำลังสูงสุด 29.0 กิโลวัตต์ (39 แรงม้า) ที่ 11,000 รอบต่อนาที แรงบิด 27 นิวตัน-เมตร ที่ 10,000 รอบต่อนาทีระบายความร้อนด้วยน้ำ และเสื้อสูบที่ออกแบบมาใหม่โดยใช้เทคโนโลยี เคลือบผิวผนังกระบอกสูบ เช่นเดียวกับรถซุปเปอร์สปอร์ตนินจาหลายรุ่น มีน้ำนักเบา และถ่ายเทความร้อนได้ดี ช่วยให้ทุกการขับขี่ทางไกลไปกันได้อย่างไม่มีปัญหา ลิ้นผีเสื้อแบบคู่ ควบคุมการดูดอากาศโดยรับคำสั่งจากชุด ECU เพื่อให้การดูดอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ เพือช่วยในเรื่องการเผาไหม้ และการทำงานของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให่เร่งเครื่องยนต์ และขับขี่ได้อย่างใจต้องการ
การออกแบบตัวถัง Ninja 300 ออกแบบ และพัฒนาจากสนามแข๋งด้วยเฟรมแบบไดมอนด์ดีไซน์ใหม่ แข็งแกร่ง ทนทานช่วยในเครื่องการทรงตัวของรถ และมียางรองเครื่องยนต์ส่วนหน้าช่วยลดแรงสั่นสะเทือนในการขับขี่ มั่นใจทุกการเบรคด้วยชุดควบคุมการเบรค ABS Control Unit แบบเดียวกันกับที่ใช้ใน Ninja ZX-636 น้ำหนักเบา และมีขนาดเล็กที่สุดในโลก ออกแบบมาเพื่อใช้ใน Ninja 300 ให้มีระบบเบรค ABS ที่โดดเด่นเหนือใครในรุ่นใกล้เคียงกัน ระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้นกับนวัตกรรมของฝาครอบพัดลมหม้อน้ำ ผสานกับช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ช่วยนำพาความร้อนลงสู่ด้านล่าง และระบายความร้อนได้ดีขึ้น ไม่ร้อนขณะขับขี่ หรือจอดรถติดไฟแดง ระบบคลัชแบบใหม่เทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้กับรถในสนามแข่งขัน ช่วยลดการกระชากของเครื่อง ขณะขับขี่รถด้วยรอบสูง แล้วลดเกียร์ต่ำลง ช่วยป้องกันล้อหลังล็อค เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น